กาแฟ 2 สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในประเทศไทย |
อาราบิก้า เป็นกาแฟที่มีรสชาติดี จึงเป็นที่นิยมมากว่าโรบัสต้าที่มีปริมาณของกาเฟอีนสูงกว่า ทั้งยังมีรสชาติที่ขมและเปรี้ยวกว่า อาราบิก้านิยมปลูกในภาคเหนือเนื่องจากภูมิอากาศแถบนี้เอื้ออำนวยสำหรับการปลูกกาแฟพันธุ์นี้
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่หลอด
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่หลอด เป็นไร่ทดลองกาแฟอราบิก้าสถานีแรกๆในอดีตของโครงการหลวง ก่อตั้งเมื่อปี 2527 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ภายในเนื้อที่จัดสรร 60 ไร่ พื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ประชากรเป็นคนเมืองและชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง เน้นการวิจัยกาแฟอราบิก้าสายพันธุ์ผสม 28 สายพันธุ์ ควบคู่ไปกับการวิจัยพืชเสริมชนิดอื่น อาทิ กระวาน พริกไทย เพื่อใช้ปลูกร่วมในแปลงกาแฟ
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่หลอด ตั้งอยู่ที่บ้านแม่หลอดเหนือ หมู่ 10 ตำบลสบเปิง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ สูงจากระดับน้ำทะเล 680 เมตร รับผิดชอบอาณาบริเวณ 8.36 ตารางกิโลเมตร หรือ 5,226 ไร่ พื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ประชากรเป็นคนเมืองและชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบเหมาะแก่การทำนาและปลูกพืชไร่ เป็นแหล่งต้นน้ำแม่ฮาและลำห้วยสายต่างๆ อุณหภูมิเฉลี่ย 26.5 องศา
ครั้งหนึ่งมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมที่นี่ ในศูนย์วิจัยฯ สวยและน่าสนใจ มีเจ้าหน้าที่พาชมไร่ทดลองกาแฟพันธุ์อาราบิก้า ชมแปลงทดลองปลูกพืชเมืองหนาว และเพาะพันธุ์สัตว์ที่เป็นสัตว์หายากเพื่ออนุรักษ์ไว้ให้ชนรุ่นหลัง อย่างเช่น ไกฟ้า กระต่ายหลายสายพันธุ์ ที่นี่มีบริเวณกว้างขวางแถมน้องหมา "ซำเหมา" ก็น่ารักมากเป็นสุนัขใจดีและเป็นมิตรกับทุกคน เห็นเจ้าหน้าบอกว่าจะให้เป็นฑูตวัฒนธรรมของที่นี่ด้วย
กิจกรรมท่องเที่ยว - ชมแปลงสาธิตการปลูกกาแฟพันธุ์อราบิก้าภายในศูนย์ฯ
- ชมสถานีเพาะกล้าและเมล็ดพันธุ์
- ชมแปลงปลูกป่า
- ชมประเพณีและการละเล่นของชาวกะเหรี่ยง อาทิ การเลี้ยงผี กินข้าวใหม่ การแต่งงาน การเต้นรำ ฯลฯ
- ชมงานหัตถกรรมชาวเขา อาทิ การทอผ้า การตำข้าว ณ ศูนย์วัฒนธรรมบ้านยาแตก
- ชมความงามของน้ำตกหมอกฟ้า (ตาดหมอก) บริเวณปากทางเข้าศูนย์ฯ
- ชมน้ำตกตาดเจียงฮาย เป็นน้ำตกขนาดเล็ก ความสูงประมาณ 3 เมตร
การเดินทาง
จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงสาย 107 เชียงใหม่-ฝาง ถึงแยกตลาดแม่มาลัย ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงสาย 1095 ถนนแม่มาลัย-ปาย ตรงไปประมาณ 18 กิโลเมตร มีแยกซ้ายมือไปน้ำตกหมอกฟ้า เลี้ยวเข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ระยะทางรวมประมาณ 58 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง
โรบัสต้า มีข้อดีตรงที่สามารถปลูกในพื้นที่ที่ปลูกอาราบิก้าไม่ได้ และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและคาเฟอีนมากกว่าพันธ์อราบิก้า (Arabicas) ถึง 2 เท่า ซึ่งเป็นผลมาจากวิธีการคั่วกาแฟ และปริมาณกาแฟที่ละลายแต่ละถ้วย รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับวิธีการชงกาแฟ ระยะเวลาและปริมาณกาแฟที่ใช้ด้วย โรบัสต้านิยมปลูกทางภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดสุราษฎร์ธานี, ชุมพร, ระนอง, นครศรีธรรมราช, พังงาและกระบี่
กาแฟพันธุ์โรบัสต้า เจริญเติบโตได้ดีในแถบบริเวณที่ราบต่ำ สามารถปลูกได้ง่าย มีความต้านทานต่อการติดเชื้อโรคได้สูง สามารถทนต่ออุณหภูมิและความชื้นสูงได้ดี ได้ผลผลิตเมล็ดกาแฟมาก และผลของมันยังสุกเร็วกว่า พันธุ์อาราบิก้าด้วย แต่มีคุณภาพ รสเข้มข้นและราคาต่ำกว่ากาแฟพันธุ์อาราบิก้า ส่วนใหญ่จะนิยมนำกาแฟพันธุ์นี้มาผลิตทำกาแฟผงสำเร็จรูปในปัจจุบัน
http://nuchr.multiply.com/journal/item/11/11?&show_interstitial=1&u=%2Fjournal%2Fitem
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น